มาต้า ประวัติตอนค้าแข้งกับเชลซี ก่อนย้ายไปแมนฯยูไนเต็ด
มาต้า ประเดิมสนามกับเชลซีในเกมพบกับนอริช ซิตี้ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2011 โดยเปลี่ยนตัวลงมาเล่นแทน ฟลอร็องต์ มาลูด้า ในนาทีที่ 68 และก็ทำประตูให้กับทีมในช่วงทดเวลานาทีที่ 11 เป็นประตูปิดกล่องให้เชลซีชนะไปด้วยสกอร์ 3-1
ผลงานกับทีมสิงโตน้ำเงินครามของมาต้านั้นถือว่าน่าประทับใจตั้งแต่ฤดูกาลแรก หลังจากพาทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 2 รายการคือเอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยในนัดชิงชนะเลิศถ้วยยุโรป เขาเป็นคนทำแอสซิสต์ให้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา โขกตีเสมอบาเยิร์น มิวนิค ในนาทีที่ 88 จากลูกเตะมุม สุดท้ายเชลซีก็คว้าแชมป์ไปครองด้วยการดวลจุดโทษ จากผลงานอันยอดเยี่ยมนี้ทำให้เขาได้รับการโหวตจากแฟนๆ ให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรด้วย
ฤดูกาลต่อมาก็ยังคงเยี่ยมยอดสำหรับเขา แม้เชลซีจะตกรอบแบ่งกลุ่มในแชมเปี้ยนส์ ลีก พลาดโอกาสป้องกันแชมป์ แต่พวกเขาก็ยังสามารถคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก มาครองได้ และมาต้าก็ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรไปครองอีกครั้งด้วย ถือว่าเป็นการได้รางวัลนี้ 2 ปีติดต่อกันเลยทีเดียว
แต่หลังจากนั้นเมื่อเชลซีได้กุนซือใหม่หน้าเก่าอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาทำทีมอีกครั้ง โอกาสลงสนามของมาต้าก็ลดน้อยลงเนื่องจากผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกส มักจะให้โอกาสกับ ออสการ์ มากกว่า และด้วยความที่เขาต้องนั่งสำรองอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการย้ายทีมออกมาเรื่อยๆ สุดท้ายเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2014 มูรินโญ่ก็ได้ออกมาบอกด้วยตัวเองว่าเชลซีตอบรับข้อเสนอขอซื้อตัวมาต้าจากทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้ว ทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนใหม่ของทีม แมนฯยูไนเต็ด ที่ทำลายสถิติค่าตัวสูงสุดของสโมสร ยุติการเป็นผู้เล่นของเชลซี นับตั้งแต่นั้นมา
ด้านผลงานในทีมชาติของเขานั้น มาต้าติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่ครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องที่พบกับชิลีเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2008 แต่ก็ยังไม่ได้ลงสนาม จากนั้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2009 เขาก็ได้ลงไปสัมผัสเกมเป็นครั้งแรกกับทีมชาติ โดยเป็นเกมรอบคัดเลือก ฟุตบอล โลก 2010 พบกับตุรกี โดยเปลี่ยนตัวลงมาแทน ดาบิด บีย่า ในนาทีที่ 63
มาต้ายิงประตูแรกให้กับทีมกระทิงดุได้เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2009 ในเกมที่เอาชนะเอสโตเนีย 3-0 คว้าตั๋วไปเตะฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่แอฟริกาใต้ได้สำเร็จ จากนั้นความสำเร็จในนามทีมชาติของเขาก็พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดเมื่อพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 หลังจากนั้นอีก 2 ปีก็คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 ได้อีก
เรียบเรียงโดย ประวัตินักเตะ
