บาเยิร์น ถล่ม เชลซี ทะยานเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นที่เรียบร้อยหลังคว้าชัยชนะอีกครั้ง
เป็นเกมที่ทัพ “เสือใต้” บาเยิร์น ถล่ม คู่แข่ง แบบไม่ออมมือแม้ว่าจะตุนสกอร์มาแล้วถึง 3 ลูกแต่พวกเขาก็ยังครองเกมบุกใส่จนยิงอีก 4 ประตูและทีเด็ดในเกมรุกยังคนเป็นนักเตะหน้าเดิมๆ เรามาดูประเด็นน่าสนใจที่เกิดขึ้นในเกมนี้กัน
- เลวาน โครตเทพ
น่าเสียดายที่ปีนี้ยกเลิกการแจกรางวัล “บัลลงดอร์” ไม่อย่างนั้นมีโอกาสสูงทีเดียวที่ เลวานดอฟสกี้ จะเป็นผู้ครอบครองเนื่องจากมีผลงานโดดเด่นกว่านักเตะยุโรปคนอื่นมาก
และเกมนี้ก็แสดงให้เห็นว่าเขาคู่ควรกับรางวัลเป็นที่สุด ไม่ใช่แค่โชว์การจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยมด้วยการเหมาสองประตูเท่านั้น แต่ยังมีการสร้างสรรค์เกมจนทำ 2 แอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นกองหน้าที่ครบเครื่องที่สุดในตอนนี้แล้ว
สองประตูในเกมนี้ทำให้เขายิงรวมทุกรายการฤดูกาลนี้ถึง 53 ประตูและยังรั้งผู้นำดาวซัลโว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ที่ 13 ประตู นอกจากนี้เขายังขยับขึ้นมารั้งอันดับที่ 4 ดาวซัลโวตลอดกาลของ ชปล. ที่ 66 ประตู แซงหน้าของ คาริม เบนเซม่า เป็นที่เรียบร้อย มีแค่ 3 คนที่ยิงประตูมากกว่า เลวาน ได้แก่ ราอูล กอนซาเลซ (71 ประตู), ลีโอเนล เมสซี่ (115 ประตู) และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (130 ประตู)
- แนวรับ สิงโตน้ำเงิน
ถือเป็นซีซั่นที่ผลงานน่าพอใจสำหรับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ทั้งการจบท็อปโฟร์รวมถึงเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ทีมกำลังไปในทิศทางที่ดีโดยเฉพาะแนวรุก
การเสริมทัพก็ดูน่ากลัวเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นนักเตะที่เข้ามาแล้วอย่าง ติโม แวร์เนอร์, ฮาคิม ซีเย็ค หรือจะคนที่เป็นข่าวอย่างหนักนั่นคือ ไค ฮาแวร์ตซ์ ทว่าสิ่งที่ยังคงเป็นคำถามอยู่ในตอนนี้คือเกมรับของทีมที่ควรจะมีการแก้ไขโดยด่วน
สองเซนเตอร์แบ็กของเชลซี อย่าง คูร์ท ซูม่า และ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ทำผลงานย่ำแย่เหลือเกินทั้งการยืนตำแหน่งและการประกบตัว ไม่ต่างจากเซนเตอร์แบ็กตัวจริงอย่าง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่ยังทำผลงานไม่คงเส้นคงวา ทั้งสามพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ายังไม่ดีพอ สำหรับทีมระดับเชลซี
แฟรงค์ แลมพาร์ด คงต้องจัดการกับปัญหาตรงนี้ช่วง ตลาดซื้อขายนักเตะ ยังเปิดอยู่ 4 ประตูในเกมนี้ทำให้ เชลซี เสียถึง 22 ในทุกรายการนับตั้งแต่กลับมาแข่งขันเดือน มิ.ย. ที่ผ่าน
ซึ่งมีเพียงทีมตกชั้นอย่างนอริช ซิตี้ เท่านั้นที่เสียประตูมากกว่า (25 ประตู) นอกจากนี้หากนับทั้งฤดูกาลนี้ เชลซี เสียถึง 79 ประตูรวมทุกรายการ มีค่าเฉลี่ยโดนยิง 1.44 ประตูต่อเกม ถือเป็นค่าเฉลี่ยที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1990/91 (1.64 ประตูต่อเกม)
- ลอนดอน ของ เสือใต้ “เสือใต้” ค่อนข้างถูกโฉลกกับทีมจากลอนดอนเหลือเกินเพราะ 6 นัดหลังสุดไม่มีนัดไหนที่ไม่ยิงขาดเกิน 2 ประตูขึ้นไป เหยื่อรายแรกคือ อาร์เซน่อล ในฤดูกาล 2016/17 โดย บาเยิร์น ในยุคของ คาร์โล อันเชล็อตติ เอาชนะด้วยสกอร์ 5-1 ทั้งไปและกลับในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ขณะที่รายที่สองคือ สเปอร์ส ในฤดูกาลนี้ที่โดน “เสือใต้” ของ ฮันซี่ ฟลิค มาถลุงถึงกรุงลอนดอนด้วยสกอร์มโหฬาร 7-2 แถมพอกลับไปเล่นที่เยอรมันก็จัดอีก 3-1 รวมสองนัดซัดครบ 10 ลูกพอดิบพอดี ด้าน เชลซี ก็ไม่รอดเหมือนกันเพราะนัดแรกก็โดนยิงยับถึง 3-0 ก่อนเมื่อคืนที่ผ่านมาจะสอยไปอีก 4 ประตู รวมสองนัดชนะขาดลอยถึง 7-1 สรุปแล้ว บาเยิร์น ถล่ม ใส่ทีมจากลอนดอนถึง 27 ประตูด้วยกันใน 6 นัดหลังสุด บาเยิร์น มิวนิค 10-2 อาร์เซน่อล
บาเยิร์น มิวนิค 10-3 สเปอร์ส
บาเยิร์น มิวนิค 7-1 เชลซี
- ผู้รักษาประตู นายทวารยังเป็นจุดอ่อน โดยเฉพาะทางฝั่ง เชลซี นั้น วิลลี่ กาบาเยโร่ ยังไม่ได้โชว์ฟอร์มน่าประทับใจนักในช่วงท้ายฤดูกาลหลังจากแซงหน้าขึ้นมาแทนที่ของ เกปา ที่ฟอร์มตกอย่างหนัก
- และเกมนี้เจ้าตัวก็เข้าบอลพรวดจนทำเสียจุดโทษ แลมพาร์ด คงต้องประเมินได้แล้วว่าฤดูกาลหน้าเขาจะใช้นายทวารทั้งสองนี่หรือไม่เพราะเท่าที่ดูฟอร์มตอนนี้ยังไม่มีใครไว้เนื้อเชื่อใจได้
- หากต้องการนายทวารคนใหม่ก็คงต้องรีบกระโจนเข้าหาตลาดซัมเมอร์เพราะนายด่านคนใหม่ถือเป็นรากฐานสำคัญของแผนการพัฒนาทีมของแลมพาร์ดขณะที่ฝั่ง “บาเยิร์น มิวนิค” มานูเอล นอยเออร์ คงจะรู้สึกผ่อนคลายเกินไป ก็แทบจะเข้ารอบแบบสบายๆเมื่อทีมออกนำ ทว่าเขาดันมาก่อความผิดพลาดด้วยการปัดบอลไปเข้าทางของ แทมมี่ อบราฮัม ได้ซัดประตูโล่งๆ กลายเป็นประตูตีไข่แตกให้กับฝั่ง เชลซี
- นอกจากนี้เขายังถูกตั้งคำถามถึงลูกยิงเสียบมุมตาข่ายด้านขวามือของ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ที่ถูกริบสกอร์คืนทีหลัง โดยกาารยืนตำแหน่งของเขาทำได้ไม่ดีนักจนหมดสิทธิ์รับ รอบต่อไปในการเจอกับ บาร์เซโลน่า เจ้าตัวคงต้องมีสมาธิมากกว่านี้
- บาเยิร์น กับ ทริปเปิ้ลแชมป์
คำถาม…ครั้งสุดท้ายที่ บาเยิร์น พลาดคว้าชัยชนะเกิดขึ้นเมื่อไหร่? คำตอบคือวันที่ 9 กุมภาพันธ์ หรือ 19 เกมก่อนหน้านี้ แล้วความพ่ายแพ้นัดสุดท้ายล่ะ? คำตอบต้องย้อนกลับไปไกลถึง 7 ธันวาคม ปีที่แล้วหรือ 28 เกมก่อนหน้านี้ คงไม่มีคำใดให้นอกจากคำว่า “ไร้เทียมทาน”
พวกเขาชนะทั้ง 9 นัดของการีสตาร์ทลีกบุนเดสลีกาผงาดแชมป์บุนเดสลีกาและยังชนะ เลเวอร์คูเซ่น คว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล ก่อนจะมาถล่ม เชลซี ใน ชปล. ต่อเนื่อง เรียกได้ว่ากำลังมั่นใจแบบสุดขีด
แม้จะมีตัวแปรสำคัญอย่าง บาร์เซโลน่า ในรอบถัด 8 ทีมสุดท้ายหรือจะเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่มีโอกาสเจอกันในรอบรองชนะเลิศ หรืออีกหนึ่งตัวแปรสำคัญคือหลังจากนี้จะเป็นการแข่งขันแบบนัดเดียวรู้ผลซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้มากกว่าการเล่นเหย้า-เยือน
อย่างไรก็ตาม “เสือใต้” ยังถือเป็นตัวเต็งคว้าแชมป์อยู่ดี และเมื่อเทียบผลงานที่ผ่านมาก็ต้องบอกว่าเหนือกว่าทุกทีมแล้วจริงๆ ทริปเปิ้ลแชมป์สำหรับบาเยิร์นยังเปิดกว้างค่อนข้างทีเดียว
#บาเยิร์น #เชลซี #เลวานดอฟสกี้ #ยูฟ่าแชมป์เปี้ยน
ติดตาม ทุกเรื่องราว ข่าวเชลซี ได้ที่นี่ >> สิงโตน้ำเงิน จ้อง ตะครุบ แคสเปอร์
ขอบคุณ บทความ ดีๆ จาก >> สยามสปอร์ต
บทความน่าสนใจเพิ่มเติมที่ casinorerole.xyz